วันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ใบความรู้ที่ ๓ เรื่อง “แผนภาพความคิด” (Mind Map)

             
  

                     แผนภาพความคิด (Mind Map) คือ การถ่ายทอดความคิด หรือข้อมูลต่าง ๆ ที่มีอยู่ในสมองลงกระดาษ โดยการใช้ภาพ สี เส้น และการโยงใย แทนการจดย่อแบบเดิมที่เป็นบรรทัด ๆ เรียงจากบนลงล่าง ขณะเดียวกันมันก็ช่วยเป็นสื่อนำข้อมูลจากภายนอก เช่น หนังสือ คำบรรยาย การประชุม ส่งเข้าสมองให้เก็บรักษาไว้ได้ดีกว่าเดิม ซ้ำยังช่วยให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ได้ง่าย เนื่องจะเห็นเป็นภาพรวม และเปิดโอกาสให้สมองให้เชื่อมโยงต่อข้อมูลหรือ ความคิดต่าง ๆ เข้าหากันได้ง่ายกว่า

              “ใช้แสดงการเชื่อมโยงข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งระหว่างความคิดหลัก ความคิดรอง และความคิดย่อยที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน” 


การสร้าง แผนภาพความคิด ( Mind Map)

๑. เขียน/วาดมโนทัศน์หลักตรงกึ่งกลางหน้ากระดาษ

๒. เขียน/วาดมโนทัศน์รองที่สัมพันธ์กับมโนทัศน์หลักไปรอบ ๆ

๓.เขียน/วาดมโนทัศน์ย่อยที่สัมพันธ์กับมโนทัศน์รองแตกออกไปเรื่อย ๆ

.ใช้ภาพหรือสัญลักษณ์สื่อความหมายเป็นตัวแทนความคิดให้มากที่สุด

๔.เขียนคำสำคัญ (Key word) บนเส้นและเส้นต้องเชื่อมโยงกัน

๕.กรณีใช้สี ทั้งมโนทัศน์รองและย่อยควรเป็นสีเดียวกัน

๖.คิดอย่างอิสระมากที่สุดขณะทำ

หลักสำคัญในการทำแผนภาพความคิด ( Mind Map)                                                     ๑.อย่าเขียนประโยคยาวๆ เพราะพื้นที่จำกัด ให้เขียนใจความสั้นๆ หรือวลีเท่านั้น หากมีประโยคยาวๆ ให้กลุ่มช่วยกันสรุปเป็นคำสั้นๆ 
                                                                                                     
 ๒.ให้เขียนด้วยปากกาหลายๆสี 
                                                                                                      
 ๓. สามารถแสดงความเห็นได้เต็มที่



การสร้างแผนภาพความคิดมีหลายลักษณะ

การนำแผนภาพความคิดไปใช้ในการอธิบายเล่าเรื่อง เป็นการฝึกคิดวิเคราะห์และการสังเคราะห์ข้อมูลช่วยให้เกิดการพิจารณาองค์ประกอบต่าง ๆ ของเรื่องได้ครบถ้วนและจัดระบบจัดลำดับความต่อเนื่องได้เป็นอย่างดี
สุรศักดิ์ หลาบมาลา ได้นำ เสนอรูปร่างลักษณะและวิธีการใช้แผนภาพความคิดดังนี้
๑.แผนภูมิใยแมงมุม (ASpiderMap)ใช้บรรยายแนวคิดหลักอันมีส่วนประกอบปลีกย่อย
อื่นๆ เช่น จังหวัดประกอบด้วยอำเภอ
๒. แผนภูมิลำดับเหตุการณ์ (Series of Events Chain) ใช้บรรยายขั้นตอนของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
เช่น การเจริญเติบโตของไหม กระบวนการทา สิ่งใดสิ่งหนึ่ง โดยมีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดเริ่มจากไหนมีความยาวเท่าไร
๓. แผนภูมิรูปวงกลมทับเหลื่อม (Overlapping Circles Map) เสนอการเปรียบเทียบสองสิ่ง
หรือสองเรื่องมีลักษณะเหมือนกัน หรือต่างกัน
๔. แผนภูมิวงจร (A Circle Map) นา เสนอโดยการเขียนเป็นแผนผังเพื่อเสนอความสัมพันธ์เป็นขั้นตอนต่าง ๆ ที่สัมพันธ์กัน เรียงลำ ดับเป็นวงกลม
๕. แผนภูมิก้างปลา (A Fishbone Map) ใช้แสดงสาเหตุของเหตุการณ์ที่ซับซ้อน โดยเขียน
ประเด็น หรือเรื่องหลักแล้วเสนอสาเหตุและผลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
๖. แผนภูมิพฤกษา (Network Tree)ใช้แสดงสาเหตุแห่งผลที่เกิดขึ้น ลำดับของตระกูล
สาขาของความต่อเนื่อง แนวคิดคืออะไร อะไรคือส่วนหลัก อะไรคือส่วนรอง และมีความ                            เกี่ยวพันอย่างไร
๗. แผนภูมิเปรียบเทียบ (A Compare Table Map) การเขียนเป็นตารางเพื่อเปรียบเทียบสอง
สิ่งหรือสองเรื่องในประเด็น ที่กำหนด
๘.แผนภูมิต่อเนื่อง (Continue / Scale) ใช้แสดงความต่อเนื่องของเวลาระดับ
ความสำคัญ ของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งต้องมีจุดเริ่มต้น จุดสิ้นสุด เช่น อายุ เหตุการณ์ในประวัติศาสตร์
.แผนภูมิวัฎจักร (Cycle) ใช้แสดงลำดับเหตุการณ์ที่เกี่ยวพันกัน อันนำไปสู่ผลอันหนึ่ง ซึ่งเกืดขึ้นแล้วเกิดอีก เช่น น้ำระเหย ก้อนเมฆ ฝนตก
   ๑๐.แผนภูมิแก้ปัญหา (Problem/Solution Out Line) ใช้ในการแสดงปัญหา  วิธีการแก้ปัญหา และผลที่ได้แนวคิด อะไรคือปัญหา ใครมีปัญหา ทำไมจึงเกิดปัญหา วิธีแก้ปัญหามีอะไร ผลออกมาอย่างไร



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น